คนเก่ง ต้องรู้จังหวะไหนรุก จังหวะไหนถอย ต้องรู้จักจังหวะ "ฟุตเวิร์ค"

 คนเก่ง  ต้องรู้จังหวะไหนรุก จังหวะไหนถอย ต้องรู้จักจังหวะ  "ฟุตเวิร์ค" คนไทยทะเลาะกัน เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สะสมกันจนเป็...

 คนเก่ง ต้องรู้จังหวะไหนรุก จังหวะไหนถอย ต้องรู้จักจังหวะ "ฟุตเวิร์ค"

คนไทยทะเลาะกัน เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สะสมกันจนเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็กลายเป็นความแตกแยก

เวลาเกิดปัญหาจึงมักเต็มไปด้วย การกล่าวหามากมาย และกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

มุมมองของฝ่ายถูกกล่าวหา
1. เขาอิจฉา
2. เขาหมั่นไส้
3. เขาเห็นว่าเป็นภัย
4. เขาอยากได้เงิน

มุมมองของฝ่ายกล่าวหา
1. เขาไม่รู้ตัวว่าทำผิด
2. เขาใช้อารมณ์แก้ปัญหา
3. เขาทำผิดแล้วไม่ขอโทษ
4. เขาเหยียบเท้าคนอื่นแล้วยังไม่รู้ตัว

 มุมมองสองฝั่งเหล่านี้ บางครั้งเกิดจาก สังคมออกแบบการแก้ปัญหาแบบโยนภาระ ให้คนหนึ่งคนใดแก้ไขจนเคยชิน

วิธีแก้ปัญหาแบบโยนปัญหาแบบนี้ ถ้าคนนั้นแก้ไขได้ก็จะได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นฮีโร่ คราวนี้แหละมันก็จะเกิดปัญหา จากการได้รับคำชมไม่เท่ากัน แล้วฮีโร่ก็จะเจอข้อกล่าวหาอย่างอื่นตามมา โดยลืมไปแล้วว่า 

ฮีโร่เกิดจากการถูกผลักภาระส่วนรวม
ฮีโร่เกิดจากโดนจับโยนลงไปในบ่อจระเข้
ฮีโร่เกิดจากแก้ปัญหารอดตายกลับมาได้
(ทั้งที่จริง ถ้าสู้กับจระเข้ไม่ได้ สู้กับปัญหาไม่ได้ ฮีโร่ก็ตายเป็นผีไม่เหลือกระดูกอยู่ในท้องจระเข้)

 ดังนั้นเมื่อทำงานใหญ่ในสังคมไทยที่นิยม การแก้ปัญหาแบบผลักภาระให้พ้นตัวแบบนี้ จงเตรียมใจไว้เถิดว่า เราหนีข้อกล่าวหาไม่พ้น เราเลี่ยงการโดนโยนระเบิดเข้าใส่ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราเป็นฝ่ายถูกจับโยนลงไปในบ่อจระเข้แท้ๆ 

เป้าหมายและขอบเขตเวลา อีกทั้ง "ขันติ" และ "โสรัจจะ" คือ "ความอดทน" และ "สงบนิ่ง"

เป็นสิ่งที่ต้องมีในการทำงาน เพื่อรับมือกับข้อกล่าวหาทั้งปวง อันเกิดจากการแก้ปัญหาไม่ถูกใจคน
ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังตน มิให้โดนจับโยนลงบ่อจระเข้ ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกรอบ

 พึงจำไว้ว่า สังคมแบบผลักภาระปัญหา ต้องการคนเก่งเฉพาะเวลามีปัญหาเท่านั้น คนเก่งจะเก่งอยู่นานไม่ได้ ต้องรู้จังหวะไหนรุก จังหวะไหนถอย ต้องรู้จักจังหวะ "ฟุตเวิร์ค" บนเวที เพราะถ้าเก่งนานไป ได้ชื่อเสียงคำชมไม่เท่ากัน เดี๋ยวจะโดนสารพัดข้อกล่าวหาอีกระลอก

Cr : Ptt Cnkr