ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

กระบวนการยุติธรรม สะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทยยุคปัจุบัน

กฎหมายมีเป็นร้อยช่อง บางคนเห็น 2 ช่อง บางคนเห็น 3 ช่อง บางคนเห็น 10 ช่อง บางคนเห็น 100 ช่อง บางคนเห็นไม่ครบ 100 ช่อง แต่เห็นช่องที่ 101  ซึ่งถ้าช่องที่ 101 นั้น ในวิชาการกฎหมาย ยังไม่เคยมีการใช้มาก่อน ก็นำมาใช้อ้างได้ เพราะยังไม่ใช่สิ่งผิดหรือยังไม่ใช่สิ่งถูก แต่เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาค้นคว้าทางวิชาการกันต่อไป

กฎหมายจึงอยู่ที่มุมมองในการนำมาใช้งาน ถ้าเราหาหลักการและเหตุผล มาหักล้างข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ก็แพ้คดี ลูกความก็ติดคุก เราจะทำใจได้หรือไม่  เมื่อต้องเห็นลูกความติดคุก เพราะเราว่าความแพ้คดี 
 ในวงการนี้ ในสังคมโลกนี้ ความยุติธรรม มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความจริง แต่มันอยู่ที่ฝีปากในการโน้มน้าวให้คนเชื่อ ถ้าพูดเรื่องจริงแล้วคนไม่เชื่อ เรื่องจริงมันก็กลายเป็นเรื่องโกหก เรื่องถูกมันก็กลายเป็นเรื่องผิด ถ้าพูดเรื่องโกหกแล้วมีคนเชื่อ เรื่องโกหกมันก็กลายเป็นเรื่องจริง เรื่องผิดมันก็กลายเป็นเรื่องถูก นี่คือกติกาในโลกของกฎหมาย ซึ่งเป็นโลกของการอยู่รอดด้วยการโน้มน้าวใจคน ใครพูดให้ศาลเชื่อได้ พูดให้สังคมเชื่อได้ คนนั้นก็อยู่รอดโดยไม่ถูกกฎหมายลงโทษ (ไม่ใช่โลกของกฎแห่งกรรม) 
เพราะแบบนี้แนวทาง ในการต่อสู้คดีจึงมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าใครมีมุมมองในการนำกฎหมาย มาใช้อ้างหลักการและเหตุผลอย่างไร เพื่อโน้มน้าวให้ศาลเชื่อได้ตามข้อกฎหมาย 
 ถ้าศาลเชื่อใคร ฝ่ายนั้นก็เป็นผู้ชนะคดีบนศาล หรือหากหาข้อสรุปไม่ได้ ก็ยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะในเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิด ก็ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์

 แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือ ศาลในชีวิตจริง ไม่ได้มีแค่ศาลตุลาการ ศาลตุลาการยังมีวันหมดอายุความ แต่ศาลในชีวิตจริง ไม่มีวันหมดอายุความ นั่นคือศาลสื่อมวลชน และศาลประชาชนด้วย
บ่อยๆ ครั้งที่จำเลยชนะความบนศาล แต่ยังไม่อาจหลุดพ้นการตกเป็นจำเลยสังคม เพราะชนะความบนศาล แต่พ่ายแพ้ให้กับ ศาลสื่อมวลชนและศาลประชาชน ซึ่งไม่มีวันหมดอายุความ ก็กลายเป็นจำเลยสังคมไปตลอดชีวิต มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคม การต่อสู้คดีจึงมองแค่การชนะคดี บนศาลตุลาการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองถึงการชนะคดีบนศาลสื่อมวลชน และศาลประชาชนด้วย
 มิฉะนั้น ถึงชนะคดีบนศาล แต่ตกเป็นจำเลยสังคม แล้วชีวิตที่เหลืออยู่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร เดินไปตรงไหนก็ไม่องอาจสง่างาม แนวทางการต่อสู้จึงต้องวางไว้ถึง 3 ศาล
1. ศาลตุลาการ
2. ศาลสื่อมวลชน
3. ศาลประชาชน

เพราะเมื่อคิดจะสู้แล้วก็ต้องสู้ให้ชนะทุกศาลในชีวิตจริง ชีวิตจึงจะดำรงอยู่อย่างองอาจสง่างาม เพราะการสู้ครั้งนี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อแค่ตัวเอง แต่ต่อสู้แทนพระสงฆ์ทั้งแผ่นดิน และสามหมื่นวัดทั้งประเทศ

สิ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือ ความยุติธรรมมีอยู่ในโลก แต่ความยุติธรรมจะมีได้ เราต้องต่อสู้และเรียกร้อง
ความถูกต้องมาด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่รอให้คนในสังคมเข้าใจเรา โดยที่เราไม่ยอมพูด ไม่ยอมอธิบาย ให้ผู้อื่นรับรู้ความจริงอะไรเลย ว่าเราไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างไรบ้าง ดังนั้น ถ้าไม่คิดจะสู้ก็จงนั่งเงียบกันต่อไป 
แต่ถ้าคิดจะสู้ก็ต้องสู้ให้ชนะทุกศาลที่มีอยู่ในชีวิตจริง สู้ด้วยความจริง สู้ด้วยความดี เพราะความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง


Cr : Ptt Cnkr

ไม่มีความคิดเห็น