ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

วัดพระธรรมกาย ขายบุญจริงหรือไม่...???


วัดพระธรรมกาย ขายบุญจริงหรือไม่...???
  



 ที่บอกว่าวัดพระธรรมกายขายบุญ ขอตอบว่าไม่จริงค่ะ เพราะทุกคนที่ทำบุญเกิดจากความศรัทธา และเข้าใจบุญ ที่วัดพระธรรมกายหลวงพ่อก็เมตตาหาบุญให้ลูกๆ ได้ทำ ซึ่งเป็นบุญที่หลากหลาย ครอบคลุมได้ทุกบุญ แล้วแต่ใครจะทำมากทำน้อยตามกำลังทรัพย์ของตนเอง หลวงพ่อท่านไม่ได้ให้กู้เงินมาทำบุญ ไม่ได้ให้ยืมเงินคนอื่นมาทำบุญ ทำตามกำลังที่ตนเองมี อย่างตัวดิฉันเองก็เข้าวัดมา เพื่อมาดู มาศึกษา ว่าทำไมคนว่าวัดแยะจัง พอเข้ามาแล้ว เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างจากที่คนวิจารณ์ ทำให้เข้าใจได้เลยว่า คนที่วิจารณ์หรือด่าวัด เขาไม่เคยมาสัมผัสวัด ได้ยิน ได้ฟัง เขาเล่ามากันทั้งนั้น แล้วเชื่อตาม ยิ่งในัจจุบันโลกของการสื่อสาร ระบบสัมผัส แค่คุณพิมพ์ คุณว่าวัด แล้วแชร์ไปในโลกออนไลน์ คนอ่านไม่ได้ไตร่ตรองก็เชื่อตาม



 วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่วัดพุทธพาณิชย์ เพราะไม่มีการรดน้ำมนต์ ไม่มีการดูดวง ไม่มีการ
เสดาะเคราะห์ ใบ้หวย
วัดพระธรรมกายไม่มี เรามีแต่บุญและธรรมล้วนๆ มีคำสอนของหลวงพ่อที่ใครๆ ก็สามารถปฏิบัติได้ และพบความสุขที่เกิดจากใจ จากข้างในค่ะ
 อีกประเด็น ถ้าใครมีเงินน้อย คุณก็สามารถสร้างบุญให้ตัวเองและครอบครัว บรรพบุรุษ บุพการีคุณทั้งที่มีชีวิตอยู่และละโลกไปแล้ว ด้วยการใช้แรงกายที่มีในการรับบุญต่างๆ ที่วัดมี เช่น อาสาสมัครแจกอาหาร จัดรองเท้า ขัดห้องน้ำ เตรียมงาน เก็บงาน ต้อนรับ ส่งกลับ มีหลากหลายให้คุณทำโดยไม่ต้องใช้เงินในการทำบุญ ได้บุญเน็ตๆ และอีกบุญไม่ต้องใช้เงินทำ คือการสวดมนต์ การนั่งสมาธิ คุณนั่งได้ใจยิ่งใส ยิ่งสงบ บุญยิ่งเกิดกับตัวคุณ และหลวงพ่อ คณะสงฆ์วัดนี้ก็สอนให้ทุกคน ใจใสก่อนทำบุญ ขณะทำบุญ หลังทำบุญอีก ๗ วัน ซึ่งข้อนี้ทำให้เราได้บุญทับทวีค่ะ
อีกข้อที่แย้งได้ว่า วัดไม่ใช่พุทธพาณิชย์ คือวัดพระธรรมกายเ เราเป็นวัดเผยแผ่ เรามีกัลยาณมิตรไปเชิญชวนคนมาวัดถึงบ้าน มีการขยายงานไปทั่วโลก ซึ่งการทำเช่นนี้ต้องมีค่าใช้จ่าย วัดก็ออกเอง โดยการบอกบุญกับสาธุชนวัดและคนทั่วไปตามกำลังทรัพย์ วัดไม่ได้งบประมาณการสนับสนุนจากรัฐบาล
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวพุทธต้องรับรู้ รับไว้และเข้าใจคนพุทธด้วยกัน
 *มีบางกระแส ว่าวัดพระธรรมกายไม่ใช่พุทธแท้ พระเล่น Line Facebook ก็วัดพระธรรมกายเป็นวัดเผยแผ่ ดังนั้นต้องใช้เทคโนโลยี่ประกอบในการเทศน์ อย่างบวชสามเณร จะเทศน์โดยการบอกเล่าอย่างเดียว สามเณรก็เบื่อ ต้องมีเสื่อ มีการ์ตูนธรรมให้สามเณรดู กับพระสงฆ์ท่านก็ต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการศึกษาธรรม หาข้อมูลทางพระธรรมคำสอนจากอินเตอร์เน็ตค่ะ

 ดังนั้นจึงอยากบอกทุกท่านว่า ขอให้ใช้สติพิจารณา อย่าใช้อคติกับวัดเลยค่ะถ้าอยากรู้ให้ชัดให้ลึกซึ้ง เชิญเข้ามาที่วัดค่ะ เรายินดีให้ข้อมูลจริงทุกประการค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับคนที่อ่านข้อความที่ดิฉันเขียนจากความเป็นจริงที่สัมผัสด้วยตัวเองค่ะ

Cr : นภัคพิมพ์ โชคดี




  ข้าพเจ้าว่า วัดขายบุญนั้นไม่จริง เพราะบุญไม่ใช่สินค้าที่จะมาซื้อขายกัน บุญเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่รับรู้ได้ด้วยใจ เพราะคนที่สละทรัพย์หรือเงินเพื่อทำบุญนั้น หากผู้นั้นให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ใจของเขาก็ย่อมจะเป็นสุข จิตใจผ่องใส มีความสบายใจ ในการทำบุญนั้นๆ ซึ่งใครจะทำบุญอะไรก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แล้วแต่จิตศรัทธา ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด และปัจจัยที่ได้มาจากการทำบุญมานั้น ทางวัดก็นำมาใช้ในงานพระพุทธศาสนา ไม่ได้เอามาเพื่อแสวงหากำไรหรือผลประโยชน์แต่อย่างใด ถ้าจะเรียกว่าเป็นพุทธพานิชนั้นจึงไม่ถูกต้อง

 ทางวัดก็ไม่ได้มีแต่บุญที่ต้องสละทรัพย์หรือปัจจัยเพื่อทำบุญอย่างเดียว แต่ได้สอนให้หมั่นทำทาน รักษาศีล และนั่งสมาธิเจริญภาวนาเป็นประจำ ซึ่งจะเห็นว่าไม่ใช่เพียงแต่จะสละทรัพย์เพื่อทำบุญได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ทั้งการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ และการนั่งสมาธิก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องเสียทรัพย์ แต่ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง

 ในเรื่องของการเชิญชวนให้ทำบุญ หรือการบอกบุญนั้น ก็ไม่ใช่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อขายบุญ แต่เป็นการบอกประโยชน์ หรืออานิสงส์ที่ผู้ทำบุญจะได้รับ ซึ่งในการทำบุญแต่ละบุญย่อมได้อานิสงส์ที่แตกต่างกัน สรุปอานิสงค์โดยย่อ คือ ทานทำให้รวย ศีลทำให้สวย ภาวนาทำให้สมองดีมีปัญญา และหากจำแนกตามลักษณะของทาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในกินททสูตรว่า “ผู้ให้อาหาร ชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้วรรณะ ผู้ให้ยาน (พาหนะ) ชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่าให้จักษุ และผู้ที่ให้พักอาศัย ชื่อว่าให้ทุกอย่าง ส่วนผู้ที่ให้ธรรมทานชื่อว่าให้อมฤตธรรม”

 การทำบุญนั้นไม่ใช่ว่ามีเงินซื้อก็ซื้อได้เลยเหมือนซื้อของ คือเอาเงินไปแลกกับของที่ต้องการมา แต่การทำบุญที่เป็นลักษณะของการให้ทานนั้น จะได้บุญมากเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ คือ
1.วัตถุบริสุทธิ์ หมายถึง สิ่งของที่นำมาทำทานหามาได้โดยชอบธรรม ไม่ได้ไปลักขโมยมา
2.บุคคลบริสุทธิ์ หมายถึง ทั้งผู้รับและผู้ให้มีศีลมีธรรมตามเพศภาวะของตน
3.เจตนาบริสุทธิ์ หมายถึง มีเจตนาให้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เชื่อในผลของทานทั้งก่อนให้ ขณะให้ และหลังจากให้ไปแล้ว

จะเห็นว่าบุญนั้นไม่ใช่สิ่งของ จึงซื้อขายกันไม่ได้ และการจะได้มาซึ่งบุญนั้น มีด้วยกัน 10 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ทานมัย บุญจากการทำทาน
2. สีลมัย บุญจากการรักษาศีล
3. ภาวนามัย บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา
4. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมต้น
5. เวยยาวัจจมัย บุญจากการช่วยเหลือการงานที่ถูกที่ควร
6. ปัตติทานมัยบุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้อื่น
7. ปัตตานุโมทนามัยบุญจากการอนุโมทนา
8. ธัมมัสสวนมัยบุญจากการฟังธรรม
9. ธัมมเทสนามัยบุญจากการแสดงธรรม
10. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญจากการทำความเห็นให้ตรงความเป็นจริง

 เพราะบุญอยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จในชีวิตคนเรา และทางวัดพระธรรมกายมีการจัดโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรตลอด 24 ชั่วโมง เรียนเชิญทุกท่านมาสั่งสมบุญกันนะคะ
Cr : นันทิยา


"บุญ ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องทำเอาเอง"  ประเด็นที่มักจะมีคนพูดกันว่า วัดพระธรรมกายขายบุญนั้น สำหรับผู้ที่เข้าวัดเป็นประจำ นี่ย่อมไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน เพราะพวกท่านเหล่านั้นมั่นใจว่าเงินหรือปัจจัยที่ได้ถวายไปแล้วด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้สัมผัสกับชีวิตของเพื่อนสหธรรมิกอย่างใกล้ชิด ก็อาจจะรู้สึกว่า วัดกำลัง "ขายบุญ" เพราะเห็นว่ามีการทำบุญกันขนานใหญ่ แทบจะเรียกว่า "คลื่นยักษ์" กันทีเดียว ดังเช่น งานทอดผ้าป่า ๒๒ เมษายน ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ขบวนผ้าป่าที่รอเข้าไปทอดถวายนานนับชั่วโมง

 อันที่จริงแล้ว หากว่าเราจะมองกันแบบเปิดใจ มองแบบตัดอคติทิ้งไป เราก็จะเห็นได้ว่า ลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าวัดพระธรรมกายก็ล้วนมีชื่อเสียง มีฐานะ มีความรู้ ระดับดอกเตอร์ก็มากมาย ถามว่า บุคคลเช่นนี้จะไม่ทราบจริง ๆ หรือว่า วัดพระธรรมกายเป็นดังข่าวที่เขาว่า หรือถ้าจะมองไปในระดับนานาชาติ แม้แต่ UN ก็ยังรับเอาวัดพระธรรมกายเข้าไปเป็นสมาชิกประเภท NGO คือสมาชิกที่ไม่ใช่รัฐหรือประเทศ

จะดีหรือไม่ครับว่า แทนที่เราจะมาตีไข่ ใส่สี สาดโคลนกัน เพื่อทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง แต่เรามาช่วยกันปกป้องคุ้มครองให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ให้เมืองไทยได้ชื่อว่ามีความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ

"ความดี แม้ทำได้ยาก แต่ก็ควรทำ เหมือนปลาเป็นที่ลอยทวนน้ำ ส่วนความชั่ว แม้ทำได้ง่ายก็ไม่ควรทำ เหมือนสวะที่ลอยตามน้ำฉะนั้น"

Cr : อธิคม

"วัดพระธรรมกาย ขายบุญ จริงหรือไม่ ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ..ตัวผู้เขียนเองครั้งแรกที่ก้าวเหยียบที่นี้ก็รู้สึกกลัว ๆ หวั่น ๆ แต่ก็พยายามทำใจให้เพลิดเพลิน กับธรรมชาติรอบตัว ที่สงบ และสะอาด พอมาทำบุญครั้งแรก สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว ๑ องค์เลยค่ะ..เพราะอยากสร้างพระพุทธรูปให้เราได้กราบไหว้ เพราะไปที่อื่น ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้..ที่แรกก็ยังหวั่น ๆ อยู่ ใครก็ไม่รู้เยอะแยะ เต็มไปหมด แต่ก็เริ่มยิ้มได้ เมื่อมีกัลยาณมิตร เข้ามาทักทาย ยกมือไหว้ ก็เริ่มสนุกสนานเฮฮา ทุก ๆ ท่านใจดี น่ารักมาก ๆ รู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่มารู้จักกับทุก ๆ ท่านที่วัดพระธรรมกาย..
  ที่นี้ทำบุญด้วยความศรัทธา ทุก ๆ ท่านตั้งใจศึกษา และลงมือปฎิบัติอย่างจริงจัง จำคำสอนได้ เข้าใจความหมาย และนำไปปฎิบัติอย่างจริงจัง และเกิดผลที่ดีต่อตัวเอง และคนรอบข้าง..คือผู้เขียน
อยากจะบอกว่าที่นี้ให้อะไรมากกว่าคำว่า "ขายบุญ" ถ้าท่านมาร่วมปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิ และได้มีจิตที่ว่าง ที่เกิดจากการทำสมาธิ ท่านจะเข้าใจ โครงสร้าง , วัตถุประสงค์ , และเป้าหมายสูงสุดว่าคืออะไร..คุ้มสุดคุ้ม..สุดท้ายคือคุ้มครองค่ะ..

Cr : Tom Good


เขาว่าวัดพระธรรมกายขายบุญ ! 
อยากบอกว่า "บุญนั้นไม่มีขาย อยากได้ (แทบตาย) ต้องทำเอง "
ทำอย่างไร ?
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกีบความหมายของคำว่า "บุญ"
บุญ คือ เครื่องชำระล้างใจให้ใสสะอาด ห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย ซึ่งเป็นอุปวรรคที่สำคัญของชีวิต
แล้วจะทำอย่างไร ? ถึงจะล้างใจให้ใสสะอาดได้ล่ะ ?
ง่ายนิดเดียว !
ศีล 5 ข้อไง เพราะการรักษาศีล
5 ก็คือ การรักษาความเป็นปกติของใจเราให้ใสสะอาด...ปิ๊ง...ปิ๊ง..
ผู้ที่รักษาศีล 5 จะอยู่ในฐานะของผู้ให้ !
ให้อะไร?
ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์
ให้ความปลอดภัยในครอบครัว
ให้ความจริง
และที่สำคัญให่สติสัมปชัญญะ อันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญากับตัวเราเอง
เท่านี้ ! ใจเราก็ใสสะอาดเป็นทางมาแห่งบุญกุศลแล้ว
มาวัดครั้งใด ก่อนเริ่มพิธีกรรมพระท่านจะให้เราอาราธนาศีล 5 เพื่อเป็นพื้นฐานในการสั่งสมบุญอื่นๆ อาทิ ทำทาน เจริญสมาธืภาวนา ต่อไป
เห็นไหม ! วัดขายบุญตรงไหน ? เราทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเราเอง .
Cr : sabaijai




เคยได้ยินไหมคะ??
"บุญนั้นไม่มีขาย...อยากจะได้ก็ต้องทำเอง"
บุญจับต้องไม่ได้ เป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ แล้วจะซื้อ-ขายกันได้อย่างไร
บุญเกิดจากการทำทาน รักษาศีลและปฎิบัติธรรม
คุณไม่มีเงินเลยคุณก็สามารถสร้างบุญให้กับตัวเองได้ลองศึกษาบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการดูซิคะ
คนที่กล่าวหาว่าวัดพระธรรมกายขายบุญถ้าเข้าใจผิดเพราะเชื่อจากสื่อต่างๆ ก็แสดงว่า "หูเบา" แล้วล่ะค่ะ 
คุณมีเงิน 100 บาท ลองไปตามวัดแล้วบอกว่าขอซื้อบุญหน่อย อยากจะไปสวรรค์ คุณคิดว่าจะได้คำตอบว่าอย่างไร
ที่วัดพระธรรมกาย "ไม่มีการขายบุญ"
มีแต่บุญให้ร่วมกันทำได้อย่างฟรีๆ มาซิคะมาร่วมกันพิสูจน์ด้วยตัวของคุณเองว่าบุญที่ได้มาแบบฟรีๆ มีจริงหรือไม่??
แล้ววัดทำอย่างไร คนถึงได้ชอบมาที่วัดพระธรรมกายกันมากมายนัก ถึงแม้ว่าวัดจะมีเรื่องราวให้ถูกโจมตีได้ตลอดเวลา
คุณอยากจะเป็นคนหนึ่งที่จะมาซื้อบุญที่วัดพระธรรมกายในแบบที่ไม่ต้องใช้เงินซักบาทเดียวบ้างไหมล่ะคะ??
Cr : nacha

  เงินยังซื้อใจคนไม่ได้ บุญเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกว่าใจ หากซื้อได้ป่านนี้คนรวย คนยิ่ง ใหญ่ในหลาย ๆประเทศที่รวย ๆไม่เจอวิบัติ จนต้องสูญสิ้นทั้งชีวิตและทรัพย์หรอก เอาเงินพันล้านไปทำบุญหากใจยังมืดบอด ก็มีค่าเท่ากับศูนย์ อย่าทำดีกว่า เพราะคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยวัดพระธรรมกายสอนว่า เวลาทำบุญต้องประกอบด้วย
1.วัตถุทาน ต้องบริสุทธิ์ ไม่ใช่ไปจี้ ไป โกงเค้ามา
2.ผู้รับบริสุทธิ์ ทาน ศีล ภาวนาคือชีวิต ของท่าน
3.ผู้ให้ต้องบริสุทธิ์ ต้องเป็นผู้ที่มีสัมมา ทิฐิ ประกอบอาชีพชอบ(สัมมาอาขีวะ)  เป็นอย่างน้อย พร้อมก่อนทำต้องทำ ใจให้ผ่องใส สังเกตุ ที่วัดก่อนทำบุญ จะให้นั่งสมาธิก่อนเสมอ
"บุญ"ไม่มีวันซื้อได้ สังเกตุนะคนรวย ตกอับ ตกต่ำ หรือแม้เอาชีวิตไม่รอด มีมากมาย ไปอบายก็เยอะ ไม่รู้ตอน เป็นก็จะเห็นตอนตาย
Cr : ฟ้า สีทอง


การ​ให้​ทาน​เป็น​การ​ทำ​ความ​ดี​ขั้น​แรก​ที่​พระ​พุทธ​เจ้า​ตรัส​สอน​ผู้​ที่​ยัง​ครอง​​เรือน​ทุก​คน​ ปรากฏ​อยู่​ใน​อนุปุพพิกถา​ จุด​ประสงค์​ก็​เพื่อ​ตัด​ความ​ตระหนี่​ใน​ใจ​ ซึ่ง​ทำ​ให้​คน​เห็น​แก่​ตัว​ เอา​แต่​ได้​ โดย​ไม่​สน​ว่า​คน​อื่น​จะ​เดือด​ร้อน​อย่าง​ไร​ เป็น​การ​พัฒนา​คุณธรรม​ใน​จิตใจ​ไป​ใน​ตัว การนำ​ไป​เปรียบ​กับ​การ​ค้าขาย​จึง​ไม่​เหมาะสม​อย่างยิ่ง​ 

หน้า​ที่​ของ​วัด​คือ​การช่วย​เหลือ​สังคม​ด้วย​การ​สอน​ศีลธรรม​ การ​ถวาย​ทาน​แก่​วัด​แก่​พระ​ภิกษุ​จึง​เป็น​การ​ช่วย​สนับสนุน​ค้ำจุน​พระ​พุทธ​ศาสนา​ให้​ยัง​คง​อยู่​ใน​เมือง​ไทย​ต่อไป​ การ​ทำ​บุญ​จึงเป็น​การ​ทำ​ความ​ดี​ ประโยชน์​ใน​ปัจจุบัน​คือ​การ​เสียสละ​สิ่ง​​ที่​ตน​มี​ให้​แก่​สังคม​และ​พระ​พุทธ​เจ้า​เอง​ก็​ยัง​ตรัส​ว่า​ มี​อานิสงส์​ทำ​ให้​มี​สวรรค์​เป็น​ที่ไป​ใน​ภพหน้า​อีก​ด้วย​ สรุป​คือ​การ​ทำ​ทาน​เกิด​สิ่ง​ดี​ๆ​ต่อ​สังคม​ ต่อ​พระ​พุทธ​ศาสนา​ และ​ต่อ​ตนเอง​อีกด้วย

ฉะนั้น​ จึง​ควร​จะ​ทำ​ความ​เข้า​ใจ​เกี่ยว​กับ​การ​ทำ​บุญ​เสีย​ใหม่​ ไม่​ควร​รวม​การ​ทำ​บุญ​กับ​การ​ค้าขาย​ แต่​เป็น​การ​ทำ​ความ​ดี​ เป็น​การ​ขัดเกลา​จิตใจ​ให้​ออก​จาก​ความ​ตระหนี่​เห็น​แก่​ตัว​ เมื่อ​ทำ​ทาน​เป็น​ประจำ​จะ​ทำให้​เป็น​คน​ใจ​บุญ​ คุ้นกับ​ความ​ดี​ ทำให้​คุณธรรม​ข้อ​อื่น​ๆ​เกิด​ขึ้น​ตามมา​ สามารถ​ปฏิบัติ​ตาม​คำสอน​อื่น​ๆ​ของ​พระ​พุทธเจ้า​ได้​ตาม​ลำดับ​ จน​ถึง​พระ​นิพพาน​ 

หาก​ยัง​ไป​สวรรค์​ไม่​ได้​ อย่า​หวัง​เลย​ว่า​จะ​ไป​นิพพาน​ได้
Cr : พม.นิติ​วิทย์​




  คำว่าวัดพระธรรมกายขายบุญคงต้องขอตอบว่าไม่เป็นความจริงนะคะ ถ้าบุญมีให้ซื้อได้ก็ดีสิค่ะจะได้เดินไปถึงก็ซื้อมาได้เลยและอยากได้อะไรก็คงจะใช้บุญที่เพิ่งไปซื้อมาเนรมิตรทุกอย่างตามใจตนประเทศนี้บ้านนี้เมืองนี้คงไม่มีคนจนคนลำบากเพราบุญหาซื้อได้ และดลบันดาลให้ได้ทุกสิ่งแต่ความเป็นจริงแล้วบุญในที่นี้ไม่มีขายหรอกนะคะใครอยากได้ก็ต้องทำเองทั้งนั้นค่ะ อย่าว่าแต่วัดพระธรรมกายไม่มีขายเลยนะคะวัดป่าวัดอื่นๆก็คงไม่มีขายเช่นกันค่ะอีกอย่างบุญเกิดจากความศรัทธาค่ะทำบุญตามกำลังศรัทธาของผู้ทำนั้นสำคัญยิ่งค่ะคนบางคนมีเงินน้อยนิดแต่จิตใจมากไปด้วยศรัทธาผลของบุญที่ได้ก็ต่างกันแล้วค่ะบางคนมีมากแต่อาจทำบุญแบบเอาหน้าบุญที่ได้ก็อาจจะไม่บริสุทธิ์มากพอหรือผลบุญมากพอเท่ากับคนที่ทำแค่เพียงบาทเดียวนะคะที่จริงคุณมีเท่าไหร่ก็ทำเท่านั้นทำตามกำลังความศรัทธาของคุณที่สำคัญคุณต้องปลื้มทั้งก่อนทำในขณะที่ทำและหลังทำแล้วก็ยังปลื้มในบุญที่ทำนี่แหละค่ะตรงนี้สำคัญมากผลบุญที่เกิดขึ้นก็จะบริสุทธิ์ค่ะและอาจนับประมาณมิได้เลยทีเดียวเรียกง่ายๆว่าปลื้มทุกขณะจิตที่ได้ทำบุญนั้นๆค่ะที่สำคัญไม่มีใครบังคับคุณนะคะคุณจะทำเท่าไหร่นั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณค่ะง่ายๆเลยนะคะเงินอยู่ในกระเป๋าคุณคุณไม่ยินดีนำมันออกมาเพื่อทำบุญด้วยจำนวนมากๆใครจะไปบังคับคุณได้จริงไหมค่ะเพราฉะนั้นที่วัดพระธรรมกายไม่มีบุญจะขายให้ใครทั้งนั้นค่ะขอยืนยันอีกครั้งว่าบุญใครอยากได้มากได้น้อยก็ต้องทำกันเอาเองนะคะกราบขอความกรุณานะคะโปรดทำความเข้าใจวัดพระธรรมกายเสียใหม่ด้วยค่ะกราบขอบพระคุณทุกท่านงามๆอย่างสูงมา ณ.ที่นี้ค่ะ
Cr : คำหวานอบเชยกานพลู




 บุญไม่สามารถซื้อขายได้ เพราะบุญไม่ใช่สินค้าที่จะเดินซื้อหาเหมือนเดินซื้อของตามห้างสรรพสินค้า ที่เราเข้าวัดพระธรรมกายก็เพื่อจะมาสั่งสมบุญมิใช่มาซื้อบุญ
การทำทาน การรักษาศีล การนั่งสมาธินี่แหละคือบุญที่เราต้องมาสร้างเอง เราว่าการทำบุญกับวัดทุกวัดคือการเข้าไปแสวงหาความสุขทางใจที่โลกข้างนอกขาดแคลน วัดเขาก็มีบุญหลายบุญให้ทำ เช่นบุญภัตตาหาร ยารักษาโรค ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา การศึกษาพระบาลี น้ำไฟ บูชาเจดีย์ฯ ก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกทำ ที่มีข่าวว่าวัดเป็นพุทธพาณิชย์อันนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง วัดมีการก่อสร้างศาสนสถานเพื่อรองรับจำนวนสาธุชนที่เดินทางมาสั่งสมบุญเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการแจ้งข่าวบุญเพราะวัดไม่ได้เงินจำนวนมากมายมหาศาลอย่างที่เป็นข่าวถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องรับภาระลองนึกดูถ้าเป็นเราๆรับไหวมั๊ย ? 
เมื่อมีการก่อสร้างต้องใช้เงินก็มีการตั้งกองบุญเพื่อให้ญาติโยมได้ร่วมบุญ ต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การขายบุญ ศรัทธาของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน กำลังทรัพย์ก็ต่างกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคืออยากเห็นผู้คนมาสั่งสมบุญกุศลเป็นคนดีมีศีลมีธรรม ลูกหลานไม่เกะกะเกเร ติดยาติดเกมส์ติดอบายมุข เสียการเรียน
บุญที่ทำจึงไม่ใช่การซื้อขายแต่เกิดจากความศรัทธาและความปรารถนาดีที่อยากให้ทุกครอบครัวมีความสุข บางคนไม่มีกำลังทรัพย์ก็ใช้กำลังกายของตัวเองไปทำหน้าที่แจ้งข่าวบุญและชักชวนหมู่ญาติเพื่อนฝูงให้มาร่วมทำบุญด้วยกัน ข่าวที่ออกไปว่าวัดเป็นพุทธพาณิชย์จึงเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความจริง ไม่มีการขายบุญแต่เป็นการสร้างบุญเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในบุญนั้นๆ มีของที่ระลึกไว้ให้นึกถึงบุญเพราะพออายุเยอะๆมันมักจะขี้ลืมได้เห็นก็จะได้นึกออกว่าเป็นบุญอะไรที่เราร่วมทำแล้วก็จะเกิดความปลื้มว่าแม้เราเป็นน็อตตัวเล็กๆแต่ก็มีความสำคัญไม่น้อย ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุขเพราะคิดแต่เรื่องดีๆ ให้เป็นบุญเป็นกุศล บุญไม่มีขายหรอกจ๊ะ ถ้าอยากจะได้ก็ต้องทำเอง ที่ให้ทำบุญบ่อยๆก็เหมือนกับการที่เราต้องกินข้าวทุกวัน บุญใช้ไปทุกวันก็มีวันหมด เรากำลังใช้บุญเก่าอยู่ในขณะนี้ถ้าเราไม่ทำบุญใหม่เพิ่ม บุญเก่าหมดชีวิตก็พบแต่ปัญหาอุปสรรคนานับประการ
โบราณมักเรียกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
ทางที่ดีมาหาข้อแท้จริงด้วยตัวเราเองจะดีมากเลย เพราะหลายๆคนที่เข้าวัดก็ต้องการเข้ามาพิสูจน์ตามข่าวที่ได้ยินได้ฟังมา เมื่อมาแล้วเข้าใจแล้วเขาก็ตัดสินใจของเขาเองไม่ได้มีใครไปบังคับ เธอก็เป็นคนมีเหตุมีผลไม่ลองมาพิสูจน์ดูล่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังที่ไปร่วมสร้างวจีกรรมกับพระกับวัด ลองเอาไปคิดดูนะเราพูดเรื่องจริงเพราะไม่รู้จะโกหกเธอไปเพื่ออะไร
Cr : มะขามป้อม ศรวารี




วัดพระธรรมกายขายบุญจริงหรือไม่
วัดพระธรรมกายเป็น “พุทธพาณิชย์” “ขายบุญ” ดูเหมือนคำสองคำนี้จะปรากฏในสื่อออนไลน์มาช้านาน จนบางครั้ง บางคนก็เชื่อว่า มันคือความจริง ว่าแต่อะไรคือความจริง บุญขายได้จริงหรือ พุทธพาณิชย์คืออะไรกันแน่ วัดพระธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ และขายบุญ จริงตามข้อกล่าวหา หรือแค่ “วาทกรรม” ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความเกลียดชังในสังคม
บุญขายได้จริงๆ หรือ
คำว่าขาย ที่คนในสังคมคุ้นเคย เรามักจะนึกถึง การเอาเงินตราไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่ง “สินค้า” และ “บริการ” ที่ตนพึงพอใจ ถ้าบุญขายได้ ก็แสดงว่า บุญจะต้องเป็น “สินค้าหรือบริการ” อย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ได้ความพึงพอใจ แน่นอนว่า บุญไม่สามารถจับต้องได้ จึงไม่ใช่สินค้า และบุญไม่ใช่ “บริการ” ที่วัดใดวัดหนึ่งจะจัดให้ใครได้รับความพึงพอใจ เพราะหากบุญ เป็นบริการที่ขายได้ ที่ไหนๆ ก็ต้องขายได้ จริงหรือไม่?
วัดพระธรรมกายนั่นแหละ “ขายบุญ”
จริงอยู่ คำว่า “บุญ” เป็นนามธรรม ที่สร้างความสุขใจให้แก่ผู้ทำ และต้องทำด้วยศรัทธาด้วยจึงจะเกิดความสุข บุญเกิดขึ้นได้หลายวิธีที่ชาวพุทธคุ้นเคยกันกับคำว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ที่ประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา อ่อนน้อมถ่อมตน ขวนขวายในกิจที่ชอบ อุทิศส่วนกุศล อนุโมทนาบุญ ฟังธรรม เทศนาธรรม และทำความเห็นให้ตรง จะเห็นได้ว่า บุญที่ทำโดยมีการบริจาค มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องมีข้อเดียวคือ การทำทานเท่านั้น และมีความจริงอยู่อย่างหนึ่งคือ การบริจาคทาน ที่ได้บุญเต็มที่ ผู้ทำจะต้องเริ่มต้นที่ทำด้วยความศรัทธาจึงจะทำให้มีความสุขใจได้ การบริจาคประเภท มีคนมาบอกแล้วใส่ซองไปอย่างเสียไม่ได้ หรือแม้แต่การทำบุญโดยมีวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ไม่ได้คิดว่าจะได้บุญ ต่อให้จ่ายเงินไปมาก บุญที่ได้ก็น้อยมาก เนื่องจากไม่ได้ทำด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา เพื่อให้เป็นบุญ ทำแล้วก็แล้วกัน ไม่ได้ตามไปมีความปีติในบุญที่ได้ทำลงไป ตามหลักที่บุญเกิด 3 ระยะ ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ
ความสุขที่เกิดจากการทำบุญไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพราะมีบุญถึง 9 ลักษณะที่ทำได้โดยไม่ต้องบริจาค สาธุชนที่ไปวัดพระธรรมกายก็เป็นไปในทำนองเดียวกันนี้ บางคนไปวัดเพื่อรักษาศีล นั่งสมาธิ ช่วยงานวัด ในฐานะเป็น “อาสาสมัคร” โดยไม่ได้ทำทานเลย แต่ถ้าถามว่าเขาได้บุญมั้ย ตอบว่าได้ ได้หลายข้อในบุญกิริยาวัตถุ 10 ด้วย และมีไม่น้อยด้วยในกลุ่มคนที่ไปวัดพระธรรมกายที่ได้บุญโดยไม่ได้บริจาคทำทานเลย แต่สังคมไม่ได้กล่าวถึงเนื่องจากไม่ได้เพ่งเล็งถึง และไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ที่อยากจะกล่าวหาสร้าง วาทกรรม

บุญของวัดพระธรรมกายขายได้


 ทำไมจึงมีคนมองเช่นนั้น จากภาพที่คนภายนอกได้เห็น วัดพระธรรมกายบอกบุญมาก บอกบุญบ่อย และมีสาธุชนเข้าไปทำบุญครั้งละมากๆ และบ่อยตามที่วัดบอกเสียด้วย นั่นแสดงว่า บุญของวัดพระธรรมกายขายได้ใช่ไหม จึงสามารถเอาคำว่า “บุญ” มาแลกเปลี่ยนเป็น “เงินบริจาค” ได้
เพียงเอาคำว่า “บุญ” มาบอก คนก็แห่กันไปบริจาคอย่างนั้นหรือ จากความจริงที่ปรากฏขึ้นก็คือ สาธุชนที่บริจาคเงินให้วัดพระธรรมกาย มักบริจาคตามโครงการที่วัดบอกเป็นเรื่องๆ ไป เช่น บอกบุญเพื่อสร้างศาสนสถานเป็นที่ปฏิบัติธรรมของสาธุชนที่ไปรักษาศีล นั่งสมาธิที่วัด บอกบุญเพื่อใช้จ่ายในโครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทซึ่งวัดจัดบวชให้ฟรี บอกบุญเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางภาคใต้ทั้งพระภิกษุ ทหาร ตำรวจ ครู บอกบุญเพื่อ บอกบุญเพื่อโครงการต่างๆ อื่นอีกเช่น โครงการเด็กดีวีสตาร์ โครงการที่สนับสนุนส่งเสริมให้มีการฝึกฝนเด็กให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม และสร้างครอบครัวของตนเองซึ่งเป็นสังคมที่เล็กที่สุดให้อบอุ่น โครงการอบรมเยาวชนฯ เป็นต้น เงินที่บริจาคล้วนมีวัตถุประสงค์ชัดเจนและเห็นได้ว่า เมื่อได้รับเงินบริจาคไปแล้ว ทางวัดจะนำไปสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ชาวพุทธ ส่วนรวม ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติธรรมของผู้บริจาคเอง ทำให้ผู้บริจาคมีความเต็มใจที่จะบริจาคเงินเหล่านั้น เพราะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข ตอบสนองความต้องการของผู้บริจาคเองที่ต้องการสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นแก่สังคม โดยผ่านการทำงานอย่างเป็นระบบของวัด โดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือทำเอง เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เต็มใจที่จะบริจาคเงินให้วัดพระธรรมกาย เพราะรู้สึกว่าได้บุญ ได้ความสุขในการทำความดีเป็นเครื่องตอบแทน
บนพื้นฐานความคิดเช่นนี้ และวัดพระธรรมกายได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมมาโดยตลอดว่า เงินที่เขาบริจาคไปให้วัดพระธรรมกายดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเขา เมื่อวัดทำให้เห็นว่าทำได้จริง ในโครงการต่อไปเขาจึงยินดีที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวัดเพื่อทำความดีอย่างที่เขาอยากจะทำผ่านวัด
วัดพระธรรมกายขายสวรรค์
ถ้าทำบุญแล้วจะได้ไปสวรรค์ ความจริงแล้ว เรื่องสวรรค์นั้นเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในพระไตรปิฎก วัดพระธรรมกายเพียงแต่นำคำสอนในพระไตรปิฎกมาบอกกล่าวให้สาธุชนได้รับรู้เท่านั้น และการสั่งสมบุญมากได้ไปสวรรค์เมื่อมีจิตผ่องใส สุคติเป็นที่ไป ก็เป็นผลที่ใครทำใครก็ได้ ไม่ได้เจาะจงว่า จะต้องทำกับวัดพระธรรมกายเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจตรงกันว่า “สวรรค์” สำหรับมนุษย์เป็นเรื่องไกลตัว ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา แต่เป็นความเชื่อ ฉะนั้น ความมุ่งหวังที่ทำบุญแล้วจะได้ไปสวรรค์จึงเป็นความหวังที่เป็นความเชื่อว่ามีจริงเพราะมีเรื่องราวปรากฏในพระไตรปิฎก จุดมุ่งหมายในการทำบุญเบื้องต้นของสาธุชนวัดพระธรรมกายจึงไม่ใช่มุ่งไปถึง “สวรรค์” ในทันที แต่ความศรัทธาที่จะทำนั้นเกิดจากสิ่งที่เห็นในปัจจุบันมากกว่า ส่วนสวรรค์เป็นเพียงความหวังท้ายๆ ที่เราพิสูจน์เมื่อมีชีวิตหลังความตาย
 วัดพระธรรมกายไม่ได้เชิญชวนสาธุชนทำบุญโดยบอกว่า ทำบุญนี้แล้วจะได้ไปสวรรค์ เป็นหลัก อานิสงส์ที่ทำแล้วได้ไปสวรรค์อยู่ในข้อท้ายๆ ด้วยซ้ำ เพราะหากบอกเพียงเรื่องสวรรค์ เชื่อแน่ว่า คงไม่มีใครทำบุญสักเท่าไหร่ แต่เหตุที่สาธุชนยินดีบริจาคทำบุญก็เนื่องจากเขาได้เห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการบริจาคของเขาที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบันชาติที่ทำให้เขามีความสุขมากกว่า การได้รับรู้ว่าพระภิกษุทางภาคใต้ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่และรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ในภาคใต้ได้คือความสุข การได้รับรู้ว่า มีเด็กรุ่นใหม่เป็นเด็กดีมีศีลธรรม เคารพพ่อแม่ เป็นอนาคตที่ดีของชาติผ่านโครงการเด็กดีวีสตาร์ ทำให้เขามีความสุขว่า เงินจำนวนไม่มากของเขามีส่วนทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น เป็นความสุข การได้เห็นชาวพุทธออกมาร่วมตักบาตรบำรุงพระพุทธศาสนาเต็มลานกว้าง ชาวพุทธยังคงมีศาสนาในใจ มีแนวโน้มที่จะนำศีลธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นหมายถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบ ไม่เบียดเบียนกัน นั่นคือ บุญ คือความสุขจากการได้ร่วมบริจาคทาน มีความสุขจากการได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งที่ดีให้เกิดแก่คนในสังคม เพราะเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขได้จากการเป็นคนดีคนเดียว
สวรรค์นั้นเป็นเพียงความมุ่งหวังอันไกลโพ้นที่เขาจะนึกถึง คงต้องเข้าใจเสียใหม่ว่า คนทำบุญกับวัดพระธรรมกายไม่ได้มุ่งไปสวรรค์จึงทำบุญ บริจาคทาน และวัดพระธรรมกายไม่ได้ขายสวรรค์ ไม่ได้เป็นพุทธพาณิชย์ เพราะไม่ได้แสวงหา “กำไร” จากพระพุทธศาสนา
อย่าปล่อยให้วาทกรรมของคนที่ไม่ปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา มายัดเยียดคำว่า “ขายบุญ” “ขายสวรรค์” “พุทธพาณิชย์” ใส่ใจของชาวพุทธแบบซ้ำๆ ซากๆ เพื่อยุให้ชาวพุทธทำลายกันเองเลย ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธจะตื่นตัวและจับมือกัน สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นแก่สังคมประเทศชาติโดยรวมโดยอาศัยหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นใบเบิกทาง
Cr : ไหม ปิ่นผกา

8 ความคิดเห็น

  1. สวัสดีค่ะ วัดพระธรรมกายยินดีต้อนรับสาธุชนทุกๆท่านค่ะ #พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระพุทธเจ้าล้านพระองค์

    ตอบลบ
  2. สวัสดีค่ะ วัดพระธรรมกายยินดีต้อนรับสาธุชนทุกๆท่านค่ะ #พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระพุทธเจ้าล้านพระองค์

    ตอบลบ
  3. ถ้าหากขายบุญได้
    บุญถ้าขายกันได้ ก็คงมีคนฉลาดมีปัญญาปรารถนาดีต่อผู้อื่นก็อยากขายกัน เพราะบุญเป็นเหตุแห่งความสุขความสำเร็จ สุคติภพทั้งปวง รวมทั้งความเป็นผู้เลิศอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น ตลอดจนมรรคผลนิพพาน ผลทั้งปวงล้วนมีบุญเป็นจุดเริ่มต้นทั้งนั้น

    ตอบลบ
  4. ถ้าบุญขายได้ มีราคาต่ำกว่าค่าเงิน ก็ไม่ต้องมีนักบวชไปทำมาหากินอย่างเดียว แต่บุญมีผลหรืออานิสงฆ์มากกว่าเงินหรือวัตถุทาน นับเท่าไม่ถ้วนเป็นอจินไตย จึงมีคนที่แสวงบุญอย่างเดียวออกบวชสละทุกอย่าง คนที่สนับสนุนก็ได้บุญหย่อยลงตามส่วน คนที่ทำบุญเป็นประจำและบุญส่งผลในปัจจุบันชาติมีอยู่ ไม่รู้จะทำอะไรมาสวดธรรมจักรเอาบุญกันครับ---สวดธรรมจักรคือการแสดงพลังของชาวพุทธ------แสดงความบริสุทธิ์ด้วยเสียงสวดมนต์กังวาลใส**
    ชาวพุทธมีหลายสิบล้านแต่ไม่รวมใจ-------- คนภัยพาลจึงได้ใจรังแกใส่ร้ายและใสความ****
    ตามรังควานระรานไล่รื้อวัดจับสึกพระ----บรรพชนสละเลือดเนื้อพลีชีวิตอุทิศเพื่อพุทธศาสนา**
    เพียงเรามาช่วยกันสวดธรรมจักรเต็มอัตตรา----หลายสิบล้านจบร่วมใจกันจนปลื้มไม่รบกับใคร**
    ร่วมใจรวมพลังบุญมหากุศลขจัดภัย-------ไล่คนพาลจงแพ้พ่ายอกุศลกรรมของตนเอง***สาธุ

    ตอบลบ
  5. หลวงพ่อสอนไว้ว่า "บุญไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง บุญมี 10 อย่าง ไม่มีเงินก็ทำได้" http://thammajak.blogspot.com/2010/05/10_08.html

    ตอบลบ
  6. อย่าอ้างเลยครับ ว่าไม่มีการให้ทำบุญเกินตัว
    หรือไม่มีการให้กู้เงินมาทำบุญ
    ก็เห็นอยู่ครับว่ามีการให้บริจาคแบบผ่อนจ่าย
    แบบนี้คือเงินอนาคตครับ ก็ไม่ต่างกับกู้หรอก

    นี่ยังไม่นับสารพัดแคมเปญที่เอากิเลสเอาความรวยมายั่วให้คนบริจาคเงินหรือเข้าร่วมกิจกรรม
    เช่น ชิตังเมโป้ง "รวย" หรือ ที่เอาความร่ำรวยแบบต่างๆมาเรียกช่วงเวลาต่างๆ
    มาเรียกเป็นช่วงเวลาในการสวดธรรมจักฯ

    แบบนี้สมควรทำหรือครับ

    ตอบลบ
  7. ถ้ารับความจริงไม่ได้ ก็ลบข้อความก่อนหน้าที่ผมนำความจริงมาแสดงได้เลยครับ
    จะได้เป็นหลักฐานว่าพวกคุณมันก็แค่คนโกหก
    หลอกสังคม หลอกตนเอง

    ตอบลบ