ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

8 สถานที่ ไม่ควรประดิษฐาน พระพุทธรูป ภายในบ้าน

8 สถานที่ ไม่ควรประดิษฐาน พระพุทธรูป ภายในบ้าน



 หลายคนคงมีคำถามว่า คนที่ทำแบบนี้มีมากมายเยอะแยะ ใครจะไปตามแก้ไหว พระพุทธเจ้าเองยังทรงสอนให้ปล่อยวางบ้าง
คำตอบต่อคำถามนี้คือ ปล่อยวางกับปล่อยปละละเลยนั้นมันคนละเรื่องกัน
 การแสดงความเคารพต่อบุคคลหรือสิ่งที่ควรเคารพถือเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่พึงมีในมนุษย์ทุกคน เช่นเดียวกับการเคารพและทำความเข้าใจต่อวัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น
 ดังนั้นการวางพระรูปไว้ที่สถานที่แห่งใดก็ตาม จึงควรคิดพิจารณาตรึงตรองให้รอบคอบ ว่าสถานที่แห่งนั้นมีความสงบทั้งที่ตั้งหรือโดยรอบเหมาะสมแก่การประดิษฐานพระรูปหรือไม่ เพื่อแสดงความเคารพและให้สมพระเกียรติพระองค์นั่นเอง

คลิกเล่นสื่อ


ที่มา Knowing Buddha  KBO SHORT FILM " RESPECT"

 คำว่า ‘บ้าน’ แค่เอ่ยถึงก็ให้ความรู้สึกของความอบอุ่นใจ ความสุขใจ เพราะคำๆ นี้ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ที่พักอาศัย แต่ยังเป็นที่พักใจ ความใหญ่โตและราคาของบ้านจึงไม่ใช่ปัจจัยของการตั้งงบตกแต่งบ้าน ทำให้เริ่มมีผู้นำเศียรพระ ภาพวาด และสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาต่างๆ อย่าง พระพุทธรูป มาตกแต่งบ้านเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสงบนิ่งให้มากที่สุด โดยเทรนด์นี้เริ่มมาจากตะวันตกและแพร่หลายไปทั่วโลก  แต่เป็นที่น่าตกใจและเศร้าใจยิ่ง ที่คนไทยเองก็เป็นไปกับเค้าด้วย ในฐานะชาวพุทธที่รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และในยามทุกข์โศกมักเข้าวัดมาทำบุญและกราบขอพร ขอความสำเร็จ ขอความร่ำรวย ขอความรัก ขอความสุข ขอสุขภาพที่ดี เรากลับไม่รู้สึกอะไรยามที่เห็นผู้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดถูกกระทำ กลายเป็นของตกแต่งบ้าน




พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้เราน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้า เราชาวพุทธไม่ได้เคารพพระพุทธรูปด้วยความเป็นวัตถุ ความเป็นอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เคารพด้วยพระพุทธรูปเป็นสื่อให้เราน้อมระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงความดีงาม ความเสียสละ และความเมตตาอันเหลือประมาณที่พระพุทธองค์ทรงมีต่อเหล่าสรรพสัตว์ เมื่อใดที่เราเห็นพระพุทธรูป เราก็จะน้อมระลึกถึงพระองค์โดยทันที




การปฏิบัติต่อพระสัญลักษณ์จึงควรปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมโดยการประดิษฐานไว้ในห้องพระ หรือหิ้งพระในตำแหน่งที่สูงเพื่อการกราบไหว้บูชาเท่านั้น การนำพระพุทธรูปมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งร้านหรือสถานที่ใดๆ นั้นถือเป็นการขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อพระองค์ท่านอย่างมาก เป็นการกระทำที่หมิ่นพระเกียรติพระบรมศาสดา ขาดซึ่งความเคารพต่อพระพุทธองค์อย่างที่สุด
สถานที่ต่อไปนี้ เป็นจุดที่เรามักเห็นพระพุทธรูป หรือภาพเหมือนพระพุทธเจ้ามาประดิษฐาน มากที่สุด แต่ไม่มีที่ใดเลยที่เหมาะสม เพราะอะไร เรามาดูกัน

ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องรับแขก เป็นที่ที่ใช้ในการพบปะผู้คนตอนรับเพื่อนฝูง อาจจะรวมไปถึงการสังสรรค์ ปาร์ตี้ มีเครื่องเสียง มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งไม่เหมาะสมแก่การประดิษฐานพระรูปที่สูงค่ายิ่ง

ห้องนอน เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่เราใช้นอน เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือการกระทำอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในอิริยาบถสำรวม การมีพระพุทธรูปในห้องนอนนั้นจึงไม่เหมาะควรอย่างยิ่ง
ห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นผนังหรือที่ใดๆ ในส่วนนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้ขับถ่ายและชำระของเสีย การนำพระพุทธรูปมาประดิษฐ์นั้นถือว่าเป็นการขาดความเคารพและไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง

สวน
 การมีพระพุทธรูปนั้นก็เพื่อบูชาพระคุณท่าน หากเรานำพระพุทธรูปไปวางไว้ในสวน ย่อมผิดวัตถุประสงค์ที่ควรจะเป็น
ประตูหน้าบ้าน หรือ กำแพงบ้าน การมีพระพุทธรูปไว้บริเวณดังกล่าวนี้ผิดวัตถุประสงค์ในการบูชาอย่างชัดเจน หากเป็นไปเพื่อการตกแต่ง ย่อมเป็นสิ่งไม่ควรทำและหากมีควรเอาออกเสีย


พื้นที่ต่ำระดับเท้า เช่น พื้นดิน หรือ พื้นในบ้าน ไม่ควรประดิษฐานพระพุทธรูปในระดับเท้าเดิน ควรให้ยกพื้นสูงในระดับเข่าขึ้นไป เพื่อแสดงความเคารพและความเหมาะสม
สระว่ายน้ำ บริเวณนี้เป็นอีกพื้นที่ส่วนตัว มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อว่ายน้ำ สวมใส่ชุดว่ายน้ำที่รัดรูปและเผยให้เห็นส่วนต่างๆของร่างกาย บางครั้งยังใช้เป็นที่สังสรรค์ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมที่จะประดิษฐานพระพุทธรูปไว้


ร้านอาหาร คลับ ผับ หรือบาร์เป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไม่สำรวม ทุกคนมาเพื่อกินอาหาร เพื่อการดื่ม เมื่อมีการนำพระพุทธรูปมาวางประดับประดาร้าน การที่ลูกค้าจะกระทำหรือแสดงกริยาที่ไม่สำรวมต่อพระพุทธรูปก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง และตามร้านดังกล่าว ย่อมจะต้องมีการจำหน่ายเครื่องดื่มของมึนเมา ซึ่งเป็นเหตุแห่งความเสื่อม คือต้นเหตุของการประกอบอกุศลกรรมทั้งปวง ซึ่งขัดกับหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ให้ยึดหลักของศีลห้า

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พาณิชย์ค้าขายเพื่อให้ได้กำไร ไม่ใช่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรม การนำพระองค์ท่านมาประดับประดาเพื่อความงามของร้าน ถือได้ว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการลดคุณค่าของพระองค์อย่างมากโดยเจ้าของร้านอาจรู้หรือไม่รู้ ว่าความเป็นศาสนาพุทธได้ถูกทำลายลงโดยชาวพุทธผู้ขาดความรู้ความเข้าใจ ผู้คอยแต่จะแสวงหาผลกำไรสำหรับตัวเองเท่านั้น
ทำไมการขายพระพุทธรูปเพื่อการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์จึงเป็นการทำลายพระศาสนา
1. พระพุทธรูปนั้นเป็นสิ่งที่ชาวพุทธมีไว้กราบไหว้บูชาเพื่อรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธองค์ที่มีต่อสัตว์โลก สอนคนให้รู้จักทำความดีละเว้นความชั่ว ผู้ผลิตที่ขาดจิตสำนึกบางคนได้ดัดแปลงพระรูปไปทำเป็นของใช้ เช่น โคมไฟพระพุทธรูป น้ำตกพระพุทธรูป ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นการลดคุณค่า ลดความหมายของพระพุทธรูป ทำให้พระพุทธสัญลักษณ์กลายเป็นเพียงของใช้ ของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น
2. การจำหน่ายพระพุทธรูปเพื่อการนำไปสักการะบูชานั้นจะมีการจัดวางในที่เหมาะสม ห่อหุ้มด้วยพลาสติกอย่างดี ส่วนการจำหน่ายพระพุทธรูปเพื่อการตกแต่งนั้น พระพุทธรูปหรือพระสัญลักษณ์มักจะถูกวางในที่ๆ ไม่เหมาะสม เช่น วางกับพื้นถนนบ้าง ใส่ตะกร้ารวมๆ กันบ้าง แขวนรวมๆ ติดกับผนังบ้าง การกระทำแบบนี้ส่งผลให้พระสัญลักษณ์แห่งความดีงามด้อยค่าลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน


3. การจำหน่ายพระพุทธรูปเพื่อการตกแต่งในปัจจุบันมีแนวโน้มมากขึ้นอย่างมาก จึงทำให้เกิดมีร้านค้าเพื่อจำหน่ายเกิดขึ้นมากมาย การจำหน่ายลักษณะนี้จึงเป็นอีกสาเหตุของการลดคุณค่าและทำลายพระศาสนาอีกทางหนึ่ง

4. การจำหน่ายพระพุทธรูปเพื่อการตกแต่งนี้ ยังส่งผลให้ชาวต่างชาติมากมายมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คิดว่าพระพุทธรูปเป็นเพียงของฝาก หรือนำไปตกแต่งในบ้าน ในสวน หรือแม้แต่ในห้องน้ำได้ ไม่ได้มีไว้เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน ทำให้เกิดการลบหลู่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจากความเข้าใจผิดนี้ เช่น นำพระรูปไปพิมพ์บนกางเกงใน บนรองเท้า หรือพรมเช็ดเท้า การแสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสมต่างๆกับพระพุทธรูป ฯลฯ นี่คืออีกสาเหตุที่ทำให้พระศาสนาเสื่อมลง


หากต้องการประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ในบ้านเพื่อบูชาและความเคารพ 
• เลือกพื้นที่ที่สงบ ไม่จอแจ ไม่เป็นที่สังสรรค์ของครอบครัว• หากพระพุทธรูปมีขนาดเล็กให้จัดวางได้สองแบบคือ วางบนโต๊ะหมู่บูชา หรือ วางไว้บนหิ้ง โดยให้มีความสูงมากกว่าเข่าขึ้นไป
• หากพระพุทธรูปมีขนาดใหญ่ ให้ทำฐานวางให้สูงกว่าพื้นประมาณเข่า เพื่อแสดงความเคารพให้สมพระเกียรติพระองค์
• การแสดงความเคารพต่อพระสัญลักษณ์ที่ทำให้เราน้อมระลึกถึงพระพุทธองค์ ซึ่งรวมไปถึงในส่วนของรูปภาพเหมือนพระพุทธเจ้า ควรเป็นพระรูปที่เต็มองค์มากกว่าในส่วนเฉพาะที่มีแต่พระเศียร หรือที่เห็นเพียงพระพักตร์บางส่วน  เพราะเป็นสิ่งที่ไม่พึงทำหากเราเคารพบูชาผู้มีพระคุณแล้วจะบูชาเฉพาะเพียงบางส่วนของท่าน เรามีพระพุทธรูปที่งามสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้วในตัวเอง จึงเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำเฉพาะส่วนพระเศียรมาบูชา
หน้าที่ของชาวพุทธกับคำว่า ‘ปล่อยวาง’
นอกเหนือไปจากการที่พวกเราชาวพุทธควรปฏิบัติต่อพระบรมศาสดาให้ถูกต้องแล้ว เพื่ออย่างน้อยเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่เราได้ธรรมะของพระองค์มาเป็นแสงส่องนำชีวิต โดยเฉพาะยามมีความทุกข์และยากลำบาก เมื่อเราเห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เราก็ไม่ควรเพิกเฉย แต่ควรตักเตือนคนรอบข้างให้เขาได้เข้าใจ เพราะหลายคนนั้นไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หากแต่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ การบอกกล่าวแก่พวกเขาจึงเป็นการให้โอกาสในการแก้ไขสิ่งผิดด้วย
 หลายคนคงมีคำถามว่า คนที่ทำแบบนี้มีมากมายเยอะแยะ ใครจะไปตามแก้ไหว พระพุทธเจ้าเองยังทรงสอนให้ปล่อยวางบ้าง คำตอบต่อคำถามนี้คือ ปล่อยวางกับปล่อยปละละเลยนั้นมันคนละเรื่องกัน
 การแสดงความเคารพต่อบุคคลหรือสิ่งที่ควรเคารพถือเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่พึงมีในมนุษย์ทุกคน เช่นเดียวกับการเคารพและทำความเข้าใจต่อวัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น ดังนั้นการวางพระรูปไว้ที่สถานที่แห่งใดก็ตาม จึงควรคิดพิจารณาตรึงตรองให้รอบคอบ ว่าสถานที่แห่งนั้นมีความสงบทั้งที่ตั้งหรือโดยรอบเหมาะสมแก่การประดิษฐานพระรูปหรือไม่ เพื่อแสดงความเคารพและให้สมพระเกียรติพระองค์นั่นเอง
 การกระทำย่ำยีลบหลู่ดูหมิ่นใดๆ ต่อพระสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ที่สร้างเพื่อให้ชาวพุทธได้แสดงความเคารพ กราบไหว้บูชา ระลึกถึงคำสอนที่เป็นหนทางสู่การดับทุกข์ เช่น การขายพระพุทธรูปเพื่อการตกแต่ง เป็นของใช้ การนำพระนามไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ถือเป็นการกระทำที่บั่นทอน และทำลายพระศาสนาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการหมิ่นพระเกียรติพระบรมศาสดา พระบรมครูแห่งโลกแล้ว ยังเป็นการลดทอนคุณค่าของความดีงามที่ผู้อื่นจะได้สัมผัสอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น