ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ใครที่ชอบพูดว่า ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ไปพิสูจน์บนศาล อยากให้อ่านข่าวนี้ดู แล้วจะพบความจริงว่า สาเหตุที่ครูแพ้คดี ไม่ใช่แค่หลักฐานหักล้างอ่อน แต่แพ้เพราะเงินสู้คดีหมด !!!

ใครที่ชอบพูดว่า ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ไปพิสูจน์บนศาล อยากให้อ่านข่าวนี้ดู แล้วจะพบความจริงว่า สาเหตุที่ครูแพ้คดี ไม่ใช่แค่หลักฐานหักล้างอ่อน แต่แพ้เพราะเงินสู้คดีหมด !!!


คลิกอ่าน www.khaosod.co.th/special-stories

ใครที่ชอบพูดว่า ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ไปพิสูจน์บนศาล อยากให้อ่านข่าวนี้ดู แล้วจะพบความจริงว่า สาเหตุที่ครูแพ้คดี ไม่ใช่แค่หลักฐานหักล้างอ่อน แต่แพ้เพราะเงินสู้คดีหมดก่อนคดีบนศาลจะสิ้นสุดอีกด้วย มันเป็นความยุติธรรมที่ราคาแพงแสนแพง ต้องมีค่าใช้จ่ายมาก กว่าชาวบ้านจะเอาข้อมูลขึ้นไปสู่บนศาลได้สำเร็จ


จากข้อมูลในข่าว สาเหตุที่แพ้คดีเพราะว่า
1. ขาดพยานเวลามาช่วยยืนยันที่อยู่ของครูในขณะเกิดเหตุรถชน
2. พยานที่ซื้อรถต่อให้การคลุมเครือเรื่องพยานเวลา (รถติดคดีคงไม่มีใครอยากได้แล้ว) 
3. คำให้การของพยานที่เห็นผู้ขับรถชนว่าเป็นผู้ชาย อาจไม่ได้ลงบันทึกในสำนวนสอบสวน
4. กองพิสูจน์หลักฐานเชื่อว่าเป็นรถคันเดียวกับที่ชน เพราะพยานข้อ 1 + ข้อ2 คลุมเครือ เลยไม่แน่ใจในพยานข้อ 3 ทำให้เชื่อว่าสีที่ติดมาเป็นรถคันเดียวกัน
 5. อัยการอ่านสำนวนแล้ว พบว่าข้อ 1-4 บ่งชี้ว่าครูชนแล้วหนี จึงสั่งฟ้อง
6. สู้คดีบนศาล 3 ศาล ต้องใช้เงินทั้งสองฝ่าย ฝ่ายอัยการเบิกงบหลวงสู้คดีได้ตลอด แต่ครูต้องออกค่าใช้จ่ายเอง
ถ้ารื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ ถึงแม้ได้ผู้กระทำความผิดตัวจริงมาแล้ว พอขึ้นศาลเกิดกลับคำให้การขึ้นมา เจ็บตัวซ้ำอีก อาจโดนฟ้องกลับในโทษฐานโฆษณาให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง
มันง่ายที่จะวิจารณ์ผู้อื่น แต่มันยากเมื่อต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง เพราะโดดเดี่ยวทั้งพยาน หลักฐาน และทุนทรัพย์
เรื่องนี้ ไม่ว่าผลจะออกมายังไง มี 2 เรื่องที่ควรแก่การนับถือ 
1. ต้องนับถือน้ำใจครูที่กล้าสู้กับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบแบบตัวคนเดียว
2. ต้องนับถือน้ำใจเพื่อนครูจริงๆ ที่ไปตามหาจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปในคดี มาช่วยเพื่อนทุกหนทาง
ส่วนผลการต่อสู้ที่ออกมาคงเดากันได้ เพราะขึ้นอยู่กับ 3 เงื่อนไข 
1. วัดกันที่เงินทุนในการสู้คดี
2. พยานและหลักฐานใหม่มีน้ำหนักพอหรือไม่
3. ต้องลุ้นว่าผู้ที่ชนตัวจริงจะไม่กลับคำให้การบนศาล
แค่ลองคิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในข้อ 1 ก็รู้แล้วว่า
 ฝ่ายครูต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะ ทั้งในการรื้อฟื้นคดี การจ้างทนาย การนำพยานคนใหม่ การนำหลักฐานใหม่ เพื่อมาหักล้างคำกล่าวหาในคดีเก่า ขณะที่อีกฝ่ายสู้คดีแบบสบายๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายมาก เพราะมีงบหลวงจ่าย
เวลาเป็นคดีความกับทางการ ชาวบ้านไม่ได้ยอมแพ้เพราะไม่เชื่อมั่นความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ยอมแพ้เพราะไม่มีเงินค่าทนาย ค่าพยาน ค่าพิสูจน์หลักฐาน ค่าเดินทาง มาใช้ต่อสู้คดีกับอีกฝ่ายที่มีพร้อมทุกอย่าง
ความยุติธรรมที่ราคาแพงแบบนี้ ชาวบ้านสู้ราคาไม่ไหว ... ใครที่ชอบพูดว่า ถ้ามั่นใจความบริสุทธิ์ก็ไปพิสูจน์กันบนศาล จะได้ตาสว่างเสียที
-----------------------------------------------------------
ปล.1 ยังไม่ทันรู้ว่าใครถูกใครผิด ก็มีค่าใช้จ่ายคดีละ 1 ล้านบาทแล้ว
ปล.2 วันดีคืนดี เจ้าหน้าที่รัฐลุกขึ้นมาฟ้องวัดด้วยข้อหา 175 คดี ถ้าจะสู้คดีกัน ก็เตรียมเงินไว้เลย 175 ล้านบาท ถึงจะมีโอกาสเอาความจริงไปสู้คดีบนศาล
ปล.3 ถ้าวัดไหนโดนคดีข้อหาฟอกเงินกับรับของโจร บอกได้เลยว่า ประกาศขายวัดยังไม่พอค่าจ้างทนายความสู้คดี (แถมวัดขายไม่ได้ด้วย อาจโดนข้อหาขายสมบัติชาติเพิ่มมาอีก 1 คดี )
Cr : Ptt Cnkr

ไม่มีความคิดเห็น