ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ทนายหลวงพ่อธัมมชโย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการ พบการตั้งข้อหามีประเด็นไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ทนายหลวงพ่อธัมมชโย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการ  

พบการตั้งข้อหามีประเด็นไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ตั้งข้อหาฟอกเงินโดยไม่มีคำพิพากษาของคดีมูลฐาน 

ตั้งข้อหาซ้อนกันด้วยหลักกฎหมายที่ขัดกันเอง
ตั้งข้อหาแก่บุคคลผู้ที่ไม่ได้ทำความเสียหายแก่สหกรณ์
ผิดทั้งระเบียบขั้นตอน ผิดทั้งหลักกฎหมาย ผิดทั้งละเมิดสิทธิประชาชน 




ทนายพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการ
พบการตั้งข้อหามีประเด็นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (14 พ.ย. 59) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายสมชาย มีบางยาง ทนายความผู้รับมอบอำนาจหมายจากพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 สำนักสำนักงานการสอบสวน หนึ่งเป็นผู้รับมอบหนังสือ การยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เนื่องจากกรณีที่พระเทพญาณมหามุนีได้ถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหาว่าร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาสั่งคดีของสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยพระเทพญาณมหามุนีไม่ได้กระทำความผิดตามข้อหาแต่อย่างใด การตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีดังกล่าว จึงมีประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 โดยเอกสารขอความเป็นธรรมมีรายละเอียดระบุว่า เนื่องจากกรณีที่พระเทพญาณมหามุนี ได้ถูกพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหาว่า ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีพิเศษที่ 27/2559 ขณะนี้ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาสั่งคดีของสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ข้าพเจ้าขอเรียนว่าพระเทพญาณมหามุนีไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด การตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีดังกล่าว มีประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ
1. ในคดีพิเศษที่ 63/2557 ดีเอสไอได้ตั้งข้อหานายศุภชัยกับพวกว่า “ฉ้อโกงประชาชน” แสดงว่า เงินนั้นย่อมไม่ใช่เงินสหกรณ์ เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เป็นเงินของกลางในคดีอาญา ซึ่งจะต้องคืนให้ประชาชนผู้เสียหายผู้ถูกหลอกลวง
2. ในคดีพิเศษที่ 146/2556 ดีเอสไอได้ตั้งข้อหานายศุภชัยกับพวกว่า “ลักทรัพย์นายจ้าง” แสดงว่าเงินนั้นเป็นของสหกรณ์ ซึ่งเป็นนายจ้างของนายศุภชัย
3. จะเห็นได้ว่า เจ้าของทรัพย์ในคดีพิเศษที่ 146/2556 คือ สหกรณ์ ส่วนเจ้าทรัพย์ในคดีพิเศษที่ 63/2557 คือประชาชนผู้ถูกนายศุภชัยฯ หลอกลวง ซึ่งเป็นคนละคนกัน ทั้งที่เป็นทรัพย์จำนวนเดียวกัน การดำเนินคดีทั้ง 2 คดี จึงมีความขัดแย้งกัน เป็นการตั้งข้อหาที่ซ้ำซ้อนกันและขัดแย้งกันเอง ซึ่งเป็นนิติวิธีที่ ไม่ชอบ
4. ข้อหาฟอกเงินในคดีพิเศษที่ 27/2559 ตั้งโดยอาศัยข้อหาฉ้อโกงประชาชนในคดีพิเศษที่ 63/2557 เป็นความผิดมูลฐาน เมื่อยังไม่เป็นที่ยุติว่า นายศุภชัยฯ กระทำความผิดฐานใดในข้อ 1 และข้อ 2 การที่พนักงานสอบสวนด่วนตั้งข้อกล่าวหาแก่พระเทพญาณมหามุนีว่า ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ย่อมที่จะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
5. นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่การตั้งข้อกล่าวหาและการสอบสวนของดีเอสไอน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกหลายประการ และการสอบสวนของดีเอสไอยังไม่สมบูรณ์เพราะยังไม่ได้สอบสวนพยานปากสำคัญอีกนับสิบคน ซึ่งรายละเอียดได้กราบเรียนต่อท่านอัยการสูงสุดแล้ว
ข้าพเจ้าในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพระเทพญาณมหามุนี จึงได้ทำหนังสือขอความ เป็นธรรมถึงอัยการสูงสุด และคณะกรรมการอัยการ เพื่อขอความเป็นธรรมให้พิจารณาข้อกฎหมายโดยถี่ถ้วน และสั่งการให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนเพิ่มเติมพยานปากสำคัญดังกล่าวให้ครบถ้วน เพื่อให้ความจริงปรากฏชัด เพื่อความเป็นธรรมแก่พระเทพญาณมหามุนี ลงชื่อนายสมชาย มีบางยาง ทนายความผู้รับมอบอำนาจหมายจากพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)


ไม่มีความคิดเห็น