ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

หมายจับ'พระธัมมชโย'กับ ความชอบธรรมของ DSI

การวิพากษ์นี้ มุ่งประเด็นกรณีพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย)

ข้อเขียนนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตจากกรณีที่ศาลอาญา ได้ออกหมายจับ ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ไปโดยมีการไต่สวนคำร้องที่เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายเจ้าหน้ารัฐและฝ่ายของตัวแทนผู้ต้องหา คือ พระธัมมชโย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ซึ่งการสอบสวนคดีนี้ยังไม่เสร็จสิ้น
 แม้ในส่วนคดีนี้ที่ทางฝ่ายผู้ต้องหามีข้อโต้แย้งหลายประการ ตามที่ทราบกันทั่วไปในการแถลงข่าวและขอความเป็นธรรมไปบ้างแล้วนั้น จึงไม่ขอลงรายละเอียดเนื้อหาในคดี
เพราะอาจจะกระทบต่อรูปคดี ซึ่งผู้เขียนไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ในฐานะนักกฎหมายผู้หนึ่งและต่อสู้ในทางสิทธิมนุษยชน จึงขอตั้งข้อสังเกตที่เป็นการจับตาไปยังท่าทีและแนวทางของ DSI ว่าจะดำเนินอย่างไรจึงจะเป็นการเหมาะสม และชอบธรรมเมื่อมี "หมายจับ!"หากกล่าวถึงเหตุออกหมายจับ ตามที่ระบุไว้ใน ป.วิ.อ.มาตรา 66 ย่อมหมายความว่า ถ้าไม่มีเหตุออกหมายจับ ศาลจะออกหมายจับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม

 แม้มีเหตุออกหมายจับศาลก็ไม่อาจจะไม่ออกหมายจับก็ได้ ไม่มีกฎหมายมาตราใดบังคับว่า หากมีเหตุออกหมายจับแล้วศาลต้องออกหมายจับ หากศาลเห็นว่าบุคคลนั้นไม่หลบหนีอย่างแน่นอน ศาลอาจไม่ออกหมายจับก็ได้ 
 แม้จะมีเหตุออกหมายจับก็ตาม ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะต้อง "นัดหมาย" หรือออก "หมายเรียก" บุคคลนั้นต่อไป หากบุคคลนั้นไม่มาตามนัดหรือหมายเรียก
 พนักงานสอบสวนย่อมร้องขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ตามมาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งศาลก็จะใช้ดุลพินิจว่าจะออกหมายจับตามคำร้องขอครั้งที่สองของพนักงานสอบสวนหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ศาลอาญาได้ออกหมายจับ แต่ DSI ก็ใช่ว่าจะต้องจับพระธัมมชโย เพราะเหตุว่าพระธัมมชโยไม่มามอบตัวที่ DSI ภายในเจ็ดวัน

หรือตามที่ขีดเส้นตายไว้ กระบวนการในทางอาญายังมีหลักการเป็นแนวทางปฏิบัติอีก จึงอยู่ว่า DSI จะใช้อำนาจของตนอย่างไร ทั้งนี้ มีข้อพิจารณาอยู่ว่า
ก. พระธัมมชโย ท่านไม่มาที่ดีเอสไอเพราะเหตุใด มีเหตุอันสมควรหรือไม่
ข. การต้องบังคับจับกุมตามหมายจับ จะกระทำด้วยความเหมาะสมแก่สถานะของพระธัมมชโย(พระภิกษุ) อย่างไร
ค. หาก DSI เห็นว่าไม่มามอบตัว จะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธเข้าไปจับกุมในวัดพระธรรมกาย อะไรจะเกิดขึ้น
ง. คดีนี้ เป็นเพียงขั้นตอนแรกที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้โอกาสแก้ข้อหาได้เต็มที่ (ย้ำว่าขั้นตอนแจ้งข้อหา) ซึ่งในทางคดี DSI ควรต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรและสามารถกล่าวหา

พระธัมมชโยได้อย่างหนักแน่น
 ข้อพิจารณาดังกล่าวข้างต้น หากเทียบกับคดีที่มีพระรูปหนึ่งที่ร่วมจัดการชุมนุมทางการเมืองและถูกตั้งข้อหาร้ายแรง ศาลอาญาได้ออกหมายจับไปแล้ว แต่ยังไม่มีจับกุม จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่า มีการถอนหมายจับในทางสอบสวนเมื่อสอบเสร็จแล้วส่งสำนวนให้อัยการคดีพิเศษยังได้รับโอกาสให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม
แล้วยังไม่สั่งฟ้องต่อศาลกลับทอดเวลานานนับปีได้ DSI และอัยการทำอย่างไร เคยมีการชี้แจงต่อสาธารณชนหรือไม่ ดังนั้นด้วยกระบวนการเช่นนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของดีเอสไอใช่หรือไม่แต่อย่างไรก็ตาม กรณีกล่าวหาพระธัมมชโยนี้ ย่อมจะเป็นสิ่งที่จะสะท้อนถึงบทบาทหน้าที่ของดีเอสไอที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรม มีรัฐมนตรียุติธรรมกำกับดูแลทางด้านนโยบาย ด้านอื่นจะมีหรือไม่ไม่ใช่ประเด็นในที่นี้
 นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนได้ไม่น้อยในห้วงภาวะการเมืองและอำนาจการปกครองประเทศอย่างมีนัยยะหรือไม่
เพราะผู้คนที่สนใจ อาจมองไปถึงผู้ที่กล่าวโทษตั้งรูปคดีด้วยว่าบุคคลเหล่านั้นมีที่มาอย่างไร สอดรับกับการตั้งข้อรังเกียจของผู้ใดหรือไม่ ข้อกล่าวหาเป็นไปตามหลักกฎหมายที่เป็นฐานความผิดชัดแจ้งและมีพยานหลักฐานได้มั่นคงเพียงใดในทางการสอบสวนและรูปคดี ที่ผ่านมาไม่เพียงเฉพาะ DSI เท่านั้น แต่รวมถึงพนักงานสอบสวนในคดีทั่วไป จะเป็นคดีดัง คดีสะเทือนขวัญ คดีการเมืองก็ตาม
การกล่าวหาและการสอบสวนที่มี ก็ล้วนแต่เป็นการผลักภาระไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งหากต้องสมมุติฐานทางการสอบสวนมาเช่นใดพนักงานอัยการก็ต้องสั่งฟ้องตามพนักงานสอบไป
แล้วสุดท้ายภาระทั้งหมดในการแก้ต่างต่อสู้คดีก็ตกแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งจากคำพิพากษาต่างๆในคดีอาญา คำวินิจฉัยและเหตุผลประกอบมักปรากฎว่าให้น้ำหนักแก่การทำงานของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการไม่มีสาเหตุโกรธเคือง ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ต้องหาหรือจำเลยมาก่อน และปฏิบัติหน้าที่ราชการปราศจากอคติใดๆ แล้วท้ายที่สุดพิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้จึงเป็นอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจว่า กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศไทย จะพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าหรือความถดถอยไปหรือไม่ อย่าได้มองเพียงว่า
ผลประโยชน์ที่อาจมีวาระซ่อนเร้นจากความขัดแย้งนี้จะตกที่ผู้ใดหรือไม่ แต่อาจต้องมองว่าประชาชนพลเมืองไทยจะต้องเผชิญกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมไปอีกกี่ปีกี่สมัยกันวลีที่ให้ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย มิใช่เป็นการใช้กฎหมายตามใจคนใช้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำให้คนใช้อำนาจตามกฎหมายน่าเคารพและเป็นที่ยอมรับได้
Mon, 2016-05-23 00:53
วิญญัติ ชาติมนตรี
http://www.prachatai.com/journal/2016/05/65923

ไม่มีความคิดเห็น